

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจลงมือ ลงทุน ลงแรงในกระบวนการสร้างและออกแบบเว็บไซต์ของคุณนั้น ขั้นตอนนี้ผมอยากจะแนะนำให้เห็นภาพว่า ในบรรดาเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีตัวตนอยู่บนโลก Internet และนำเสนอสินค้า/บริการที่คล้ายคลึงกับคุณหรือทดแทนสินค้าคุณได้อย่างสมบูรณ์ ใน term ของการตลาด เราจัดได้ว่า เว็บไซต์เหล่านั้นคือ “คู่แข่ง” ของคุณ แต่ยังโชคดีว่า ในโลกของ E-Commerce นั้น...
|
|
 |
 |
เพราะลูกค้าไม่ได้เห็นหน้าตา บริษัท ร้านค้า ออฟฟิศของเรา หรือแม้กระทั่งพนักงานขายของเรา ลูกค้าเห็นแต่เว็บไซต์เพียงไม่กี่หน้า เมื่อไม่ได้เห็น ก็ไม่ได้เกิดการเปรียบเทียบว่า ร้านของเราเล็กกว่า พนักงานน้อยเลยไม่อยากเข้าร้านเรา แล้วไปหาร้านคู่แข่งที่ใหญ่กว่า ดูดีกว่า ไม่เหมือนเราอยู่ในโลกทั่วไป
ดังนั้น “ปลาเล็ก จึงสามารถท้าชนปลาใหญ่ได้” เพราะว่าบริษัทใหญ่โตแค่ไหน มาเจอกันบนโลกออนไลน์ด้วยหน้าเว็บไซต์ไม่กี่หน้าเหมือนกัน ทำไมเราจะทำให้ดีไม่ได้ใช่ไหมครับ ผมกล้าบอกได้เลยว่า "เว็บไซต์ที่ดีไม่ใช่เว็บไซต์ที่แพงเลยครับ และเว็บไซต์ที่ทำอย่างซับซ้อน มักจะทำให้ลูกค้าหาสิ่งที่ต้องการไม่เจอ และออกจากหน้าเว็บไปอย่างเร็ว"
|
 |
ในหลักการตลาด คู่แข่ง คือผู้ที่ทำธุรกิจเดียวกับที่เราทำอยู่ ซึ่งถ้าเรารู้ให้ได้มากที่สุดว่า เขา หรือ พวกเขาคือใคร ทำอะไรกันบ้าง เหมือนหรือต่างกับที่เราทำหรือกำลังจะทำอย่างไร ช่วยให้เรากำหนดกลยุทธ์ได้ดีในการต่อสู้ ว่าจะสู้แบบทางตรง ทางอ้อม หรือหลบหลีกอย่างไรครับ
และในโลกออนไลน์ ทุกคนมีอาวุธในการค้นหาเท่ากันครับ คือ Search Engine นั่นเอง เราก็เอาอาวุธตัวนี้ล่ะครับ มาค้นหาดูว่า มีใครที่ทำธุรกิจเดียวกับที่เรากำลังจะทำนี้บ้าง โดยการเอา “คีย์เวิร์ด” ไป Search ดูครับ
|
|
 |
|
ซึ่งมักจะมีหลายๆ คีย์เวิร์ดใกล้เคียงกันนะครับ ยกตัวอย่างเช่น เราทำธุรกิจรับแปลภาษา ดังนั้น คีย์เวิร์ดของธุรกิจเราก็คือ คำว่า รับแปลภาษา, แปลภาษา, แปลภาษาอังกฤษ, บริการแปลภาษา, รับแปล ฯลฯ |
|
|
ตอนนี้เราก็จะเห็นแล้วนะครับ ว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องกับคำว่า รับแปลภาษา อยู่ทั้งหมดจำนวนหลายหน้าของเว็บไซต์ แต่อย่าเพิ่งตกใจว่า ทุกเว็บไซต์ทำธุรกิจนี้ทั้งหมดนะครับ เพราะการ search คือการหาหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับคำนั้นๆ เราก็ลองไล่ดูว่ามีสักกี่รายที่ทำธุรกิจนี้จริงๆ
ผมแนะนำว่า หากคุณไม่มีเวลาไล่ดูทีละหน้า ให้คุณดูเพียงหน้าแรก หรืออันดับที่ 1-10 ก็พอ เพราะปัจจุบัน คนนิยมดูเพียงหน้าแรกของ Google เท่านั้น! จากนั้นให้ลองใช้คีย์เวิร์ดคำอื่นๆ search และไล่ลำดับแบบเดียวกับคำแรก ก็จะพบกับเว็บไซต์ของคู่แข่งขันได้อย่างง่ายครับ
|
 |
 |

|
เมื่อเรารู้จักคู่แข่งแล้ว ก็ถึงเวลากำหนดตำแหน่งทางธุรกิจ (Positioning) และ กลุ่มลูกค้า (Targeting) ของเราแล้วครับ เริ่มต้นง่ายๆ ได้ด้วยการ หาความแตกต่างของการบริการของคุณเอง (Differentiation) ความแตกต่างนี้คือประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับจากสินค้าของคุณนะครับ ไม่ใช่รูปแบบของสินค้าเท่านั้น เพราะผู้บริโภคจะซื้อสินค้าจากประโยชน์ที่เค้าได้รับ ไม่ใช่ความเก่งของสินค้าเสมอไปครับ เช่น สินค้าคุณให้ความมั่นใจกับลูกค้ามากกว่าเพราะ คุณมีบริการหลังการขายที่ดี หรือสินค้าคุณอาจจะทำให้ลูกค้าคุณได้ถือไปอวดเพื่อนๆได้ เพราะดีไซน์ที่แหวกแนว เป็นต้น |
“อย่าลืมนะครับ ต้องคิดถึงความต้องการลูกค้าก่อนเสมอ ไม่ใช่คิดถึงคุณภาพและราคาเพียงเท่านั้น! ”
28 February 2013
พี่ปั้น ReadyPlanet
