หลักการสำคัญข้อแรกที่ไม่ทำไม่ได้เลย ก็คือ การปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ของท่านให้เหมาะกับเทศกาล เพื่อแสดง Spirit ในการเฉลิมฉลองเทศกาลนั้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ท่านจะนึกถึงสิ่งใดกันบ้างครับ? ลูกโป่ง, ป้าย Happy New Year, ของขวัญ แล้วถ้าเป็นเทศกาลวาเลนไทน์ล่ะ คำตอบก็คงไม่พ้น ดอกกุหลาบ ช็อคโกแลต และหัวใจ เป็นต้นนะครับ

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่จะเป็นตัวแทนสื่อถึงเทศกาลต่างๆ และสามารถนำมาตกแต่งแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าของท่านรู้สึกได้ว่า ร้านค้านี้มีของที่เขามองหาอยู่ตามเทศกาลจริงๆ

ก่อนอื่นท่านจะต้องเข้าใจวิธีการเลือกสินค้าของลูกค้าในเทศกาลนั้นๆ เป็นต้นว่า เทศกาลปีใหม่ ลูกค้าของท่านจะมีวิธีเลือกของขวัญปีใหม่อย่างไรบ้าง? ลูกค้าของเราอาจจะเลือกจากยี่ห้อสินค้า หรือบางครั้งอาจจะค้นหาสินค้าตามประเภท รูปแบบ หรือกระทั่ง Lifestyle ของผู้ใช้

ดังนั้นการทำเว็บไซต์ที่ดี รวมถึงเหมาะสมกับเทศกาล ก็ควรจะมีฟังก์ชันการใช้งานที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าได้จากหลายๆ ปัจจัยการเลือก บางเว็บไซต์ถึงกับเขียนโปรแกรมเพื่อเป็นเครื่องมือในการเลือกซื้อสินค้าให้ตรงใจโดยใส่ปัจจัยต่างๆ ลงไปเลยทีเดียวครับ

แต่สำหรับธุรกิจร้านค้าขนาดเล็กถึงกลาง ก็สามารถใช้ ฟังก์ชัน “Tagging” คือการจัดหมวดหมู่ที่หลากหลายตามการ Tag (คำค้นหาของสินค้าในแต่ละชนิด) สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บทความสร้างรายได้เงินล้านด้วย"เว็บไซต์" ตอนที่ 9 จัดหมวดหมู่สินค้าให้เป็นที่สะดุดสายตา ค้นหาง่าย ขายได้ทันที ด้วย “ฟังก์ชัน Tagging” คลิกที่นี่ นะครับ

ในช่วงเทศกาลนั้น การทำ Landing Page หรือหน้าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรวบรวมสินค้าลดราคาและสินค้าแนะนำให้กับลูกค้าโดยเฉพาะ ย่อมทำให้การตัดสินใจของลูกค้านั้นกระชับและรวดเร็วขึ้น

เพราะการสร้าง Landing Page จัดเป็นการทำให้ลูกค้าสนใจและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่เราเลือกมาทำการตลาดหรือทำโปรโมชั่นโดยตรง ลูกค้าจึงไม่ต้องเสียเวลาในการหา Deal หรือโปรโมชั่นในเว็บไซต์และก่อให้เกิดการซื้อได้ง่ายขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในโลกอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้ ใครๆ ก็มองหา "Deal" ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ราคา, ของแถม, หรือสินค้าที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษมีจำนวนจำกัด เจ้าของร้านค้าจึงต้องทำแบนเนอร์ หรือ Section พิเศษ เพื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเหล่านี้อย่างชัดเจน 

ซึ่งท่านสามารถนำแบนเนอร์เหล่านี้ไปใช้โฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Social Media, Youtube Video, Blog, หรือโฆษณาบนหน้า Google โดยโฆษณาเหล่านี้ก็ควรจะถูกใช้ในการโปรโมทไปจนกระทั่งหมดเขตโปรโมชั่นที่ทางร้านจัดขึ้น

เมื่อเทศกาลใกล้หมดลง สิ่งที่จะต้องคิดต่อไปคือ การหาเหตุผลดีๆ ที่จะทำให้ลูกค้ากลับมาที่เว็บไซต์ของคุณอีกครั้ง กลยุทธ์การสร้างฐานลูกค้านี้ ทำได้หลายแบบ อาทิเช่น การให้ลงทะเบียนออนไลน์เพื่อแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้าใหม่ การบริการ หรือสินค้าลดราคา หรือแม้กระทั่งการส่งอีเมลหรือจดหมายไปหาลูกค้าโดยตรงเพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าในเว็บไซต์อีกครั้ง

นอกจากจุดมุ่งหวังในการสร้างยอดขายที่เพิ่มขึ้นแล้ว การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ก็ย่อมเป็นประโยชน์ในระยะยาวเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การส่งการ์ดวันเกิด, สินค้าทดลองใช้, บัตรสมนาคุณ หรือสิทธิ์การจับรางวัล เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้สึกรักและผูกพันธ์กับร้านค้าและแบรนด์ของบริษัทมากขึ้นครับ

ในยุคก่อนที่สังคมออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทต่อผู้บริโภค ถ้าพูดถึงตัวชี้วัดความสำเร็จของการทำ Marketing ของทุกธุรกิจขณะนั้นก็คือ การสร้างลูกค้าที่จงรักภักดีและกลับมาซื้อสินค้านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นการสร้างรายได้ของธุรกิจที่เติบโตและยั่งยืน

แต่ในปัจจุบัน สิ่งที่สำคัญยิ่งไปกว่าการซื้อซ้ำนั่นก็คือ การ “Share” เป็นการเปลี่ยนจากลูกค้าที่จงรักภักดี (Loyal Customer) เป็นผู้สนับสนุนและบอกต่อ (Brand Advocate)

ดังนั้น ทุกครั้งที่มีโอกาสสื่อสารกับลูกค้า ท่านจะต้องสร้างความประทับใจและมีช่องทางที่ให้ลูกค้าสามารถได้ "Share" หรือบอกต่อประสบการณ์กับคนอื่นๆ อีกด้วย พี่ปั้นจึงอยากแนะนำให้ท่านผู้อ่านเริ่มพัฒนาและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าให้มาก รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์และสนับสนุนการบอกต่อให้มากที่สุดด้วยครับ